วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ที่โกหกเพื่อทำเงิน และทำเรตติ้ง เท่านั้น

ทำไมสือไทยถึงต้องเอาอย่างสืออเมริกา
ที่โกหกเพื่อทำเงิน และทำเรตติ้ง เท่านั้น
นี่หรือเสรีภาพของสือมวลชน
...........................................................
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย คุณแว้บ
...........................................................
คุณจะโกรธไหมครับถ้ามีคนมาเล่าเรื่องโกหกสารพัดให้คุณฟัง คอยหลอกลวงคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อไหมครับว่ากิจกรรมการโกหกซึ่งๆ หน้าประเภทแต่งตัวดีๆ มาโกหกกันทางทีวีนั้นให้เห็นกันทุกวัน ผมไม่ได้พูดถึงนักการเมืองที่กุเรื่องสารพัดกันในสภาฯ แบบที่เราคุ้นเคยกันนะครับ แต่กำลังจะพูดถึงธุรกิจบันเทิงเกี่ยวกับเรื่องโกหกหน้าตายที่ทำกันเป็นล่ำ เป็นสันในอเมริกา

ธุรกิจที่ผมพูดถึงเขาเรียกว่า News Satire หรือข่าวที่หลอกลวงเสียดสีแบบหน้าเป็น รายการข่าวเปื้อนสาระปนบันเทิงประเภทสรุปข่าวภาคดึก เช่น The Daily Show with Jon Stewart หรือ The Colbert Report สองรายการนี้ออกอากาศทาง Comedy Central สถานีทีวีที่ออกจะเอียงไปทางหัวก้าวหน้า ประมาณว่าเป็นคู่ปรับของ Fox News

ในขณะที่การรายงานข่าวตามสถานีทั่วไปนั้นเน้นความเที่ยงตรงและรวดเร็วของ ข้อมูล รายการข่าวเสียดสีมุ่งรายงานข่าวทีเล่นทีจริงและอ้างอิงวัฒนธรรมสมัยนิยม เป็นหลัก ตัวอย่างกรณีนโยบาย Don’t Ask Don’t Tell หรือนโยบายกีดกันกลุ่มรักร่วมเพศในกองทัพที่ประธานาธิบดีโอบามาเคยให้สัญญา ว่าจะยกเลิก แต่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาข้อเสนอนี้ถูกเขี่ยลงถังไปโดยตัวแทน รัฐบาลหลายคนออกมาอ้างว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤติต่างๆ มากมาย จะมาตัดสินใจเรื่องใหญ่แบบนี้ตอนนี้คงลำบาก แถมยังอ้างข้ออ้างเดิมๆ ว่าเกย์แบบโจ่งครึ่งนั้นบั่นทอนระเบียบวินัยในกองทัพ สรุปว่ารัฐบาลก็ยังจะรับเกย์เข้าร่วมกองทัพตราบที่ยังปิดบังฐานะทางเพศของตน ต่อไป ข่าวดังอย่างนี้ช่องข่าวทั่วไปก็จะรายงานและบอกว่าวุฒิสมาชิกคนให้เห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างกฎหมายนี้ อาจมีความเห็นเพิ่มเติมจากผู้อ่านข่าวพอเป็นพิธี ถ้าเป็น Fox News ก็อาจจะออกมาเหน็บพรรคเดโมแครตบ้างเล็กน้อย แต่สำนักข่าวเสียดสีเล่นหนักกว่านั้นเยอะครับ จอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกตัวแทนรัฐแอริโซนา เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะสนับสนุนการยกเลิกนโยบายนี้เมื่อหลายปีก่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับคำพูดอ้างโน่นนี่ สำนักข่าวเสียดสีอย่าง The Colbert Report ก็ไปขุดเอาเทปการให้สัมภาษณ์ในอดีตที่แมคเคนเคยสัญญาว่าจะสนับสนุนการยกเลิก นโยบายนี้มาแฉ ส่วน The Daily Show ของคุณ Jon Stewart เล่นเลยเถิดไปถึงขนาดเชิญผู้สันทัดกรณี (ตัวปลอม) มาเปรียบเทียบว่าคนแก่นั้นเป็นอันตรายต่อการทำงานของวุฒิสภา (ไม่ต่างจากเกย์เป็นอันตรายต่อภารกิจในกองทัพ) และยกตัวอย่างว่าการกลับคำพูดของแมคเคนนั้น ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนทางนโยบายอะไรแต่เป็นเพียงเพราะคนแก่นั้นหลงลืมง่าย นอกจากนี้ยังเสนอนโยบายให้คนแก่ออกมาปกปิดความแก่ของตัวเอง เพื่อจะได้รับใช้ประเทศได้ต่อไป (เหมือนที่บังคับให้เกย์ออกมาปกปิดสถานะรักร่วมเพศของตน)

นอกจากสำนักข่าวทางทีวีอย่างสองรายการที่ว่ามาข้างต้นยังมีสำนักข่าวออนไลน์ อย่าง Onion News ที่มีจุดเด่นคือไม่ต้องอ้างอิงข่าวเหตุการณ์ปัจจุบันเพราะสร้างข่าวยกเมฆเอา เองทั้งรายการ สำนักข่าวหัวหอมถนัดเล่นมุขแดกดันเสียดสี ลองดูมุมการเมืองก็จะมีข่าวประมาณอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยูบุช เดินทางเยี่ยมเยียนชาวบ้านหลังประสบภัยพิบัติในยุคที่ตนดำรงตำแหน่ง หรือข่าวประธานาธิบดีโอบามาหวังใช้อัลบัมใหม่ของบรูซ สปริงส์ทีนเป็นดรรชนีชี้แนะทิศทางเศรษฐกิจ ด้านข่าวต่างประเทศก็เสนอสกู๊ปพิเศษจากสาธารณรัฐคองโกที่เริ่มใช้นโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกอาวุธสงครามเพื่อให้ประชาชนใช้ต่อสู้กับกลุ่มกบฎ และประกอบอาชีพในอนาคต แม้จะเป็นสำนักข่าวออนไลน์แต่สำนักข่าวหัวหอมก็เอาตั้งหน้าตั้งตาจัดรายการ เหมือนการรายงานข่าวของจริง มีนักข่าวประจำมากมาย ผลิตวิดีโอข่าวที่มีอินโทรกราฟฟิก ผู้ดำเนินรายการจากห้องข่าวต่างๆ มารายงานข่าวกันอย่างแข็งขัน แถมมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านอีกต่างหาก

ถ้าจะถามว่าทำไมข่าวที่ดูไร้สาระแบบนี้ถึงได้เป็นที่นิยมในอเมริกาและหลาย ประเทศในยุโรปผมเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือผลการสำรวจจากสถาบันวิจัยด้านการ เลือกตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐเพนซิลเวเนียพบว่าผู้บริโภคข่าวเสียดสี หลอกลวงรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผู้สมัครชิงตำแหน่งมากกว่าผู้บริโภคข่าว ทั่วไป ผมไม่แน่ใจว่าเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคเหล่านี้มีความรู้มากกว่าเป็นเพราะ พฤติกรรมการบริโภคข้อมูลที่หลากหลายกว่าหรือเป็นเพราะรายการข่าวเสียดสี หลอกลวงประเภทนี้เปิดมุมมองที่กว้างและลึกกว่าข่าวทั่วไปที่เสนอแต่ข้อมูล โดย (อ้างว่า) ปราศจากความคิดเห็น สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับสำนักข่าวเสียดสีเหล่านี้คือการนำมุมมองที่แตกต่าง มาตีแผ่ เอาข่าวดีมาเปรียบเทียบกับข่าวห่วย จับผิดนักการเมืองโกหก แม้หลายๆ ครั้งจะเป็นการชักจูงผู้ชม แต่พูดตรงๆ สำนักข่าวในอเมริกาก็แบ่งข้างกันอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าสนับสนุนฝ่ายซ้าย หรือฝ่ายขวา

บ้านเราแม้จะไม่มีช่องข่าวสนับสนุนกลุ่มซ้ายขวาชัดเจนอย่างในอเมริกา แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่าแบ่งแยกเป็นสีโน้นสีนี้และก็มีรายการ คุยข่าวที่ออกมาตอบรับผู้ชมที่ต่างสีต่างความคิด บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีเสียอีกถ้าทุกครั้งที่เราดูข่าวแล้วคอยถามตัวเอง ว่าที่กำลังรับชมรับฟังอยู่นั้นเป็นข่าวแท้หรือข่าวเทียม ว่าไหมครับ?
............................
https://www.gotoknow.org/posts/557553
...........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น