ทำไมสือไทยถึงต้องเอาอย่างสืออเมริกา
ที่โกหกเพื่อทำเงิน และทำเรตติ้ง เท่านั้น
นี่หรือเสรีภาพของสือมวลชน
...........................................................
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย คุณแว้บ
...........................................................
คุณจะโกรธไหมครับถ้ามีคนมาเล่าเรื่องโกหกสารพัดให้คุณฟัง
คอยหลอกลวงคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อไหมครับว่ากิจกรรมการโกหกซึ่งๆ
หน้าประเภทแต่งตัวดีๆ มาโกหกกันทางทีวีนั้นให้เห็นกันทุกวัน
ผมไม่ได้พูดถึงนักการเมืองที่กุเรื่องสารพัดกันในสภาฯ
แบบที่เราคุ้นเคยกันนะครับ
แต่กำลังจะพูดถึงธุรกิจบันเทิงเกี่ยวกับเรื่องโกหกหน้าตายที่ทำกันเป็นล่ำ
เป็นสันในอเมริกา
ธุรกิจที่ผมพูดถึงเขาเรียกว่า News Satire
หรือข่าวที่หลอกลวงเสียดสีแบบหน้าเป็น
รายการข่าวเปื้อนสาระปนบันเทิงประเภทสรุปข่าวภาคดึก เช่น The Daily Show
with Jon Stewart หรือ The Colbert Report สองรายการนี้ออกอากาศทาง Comedy
Central สถานีทีวีที่ออกจะเอียงไปทางหัวก้าวหน้า ประมาณว่าเป็นคู่ปรับของ
Fox News
ในขณะที่การรายงานข่าวตามสถานีทั่วไปนั้นเน้นความเที่ยงตรงและรวดเร็วของ
ข้อมูล
รายการข่าวเสียดสีมุ่งรายงานข่าวทีเล่นทีจริงและอ้างอิงวัฒนธรรมสมัยนิยม
เป็นหลัก ตัวอย่างกรณีนโยบาย Don’t Ask Don’t Tell
หรือนโยบายกีดกันกลุ่มรักร่วมเพศในกองทัพที่ประธานาธิบดีโอบามาเคยให้สัญญา
ว่าจะยกเลิก
แต่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาข้อเสนอนี้ถูกเขี่ยลงถังไปโดยตัวแทน
รัฐบาลหลายคนออกมาอ้างว่าประเทศกำลังเผชิญวิกฤติต่างๆ มากมาย
จะมาตัดสินใจเรื่องใหญ่แบบนี้ตอนนี้คงลำบาก แถมยังอ้างข้ออ้างเดิมๆ
ว่าเกย์แบบโจ่งครึ่งนั้นบั่นทอนระเบียบวินัยในกองทัพ
สรุปว่ารัฐบาลก็ยังจะรับเกย์เข้าร่วมกองทัพตราบที่ยังปิดบังฐานะทางเพศของตน
ต่อไป
ข่าวดังอย่างนี้ช่องข่าวทั่วไปก็จะรายงานและบอกว่าวุฒิสมาชิกคนให้เห็นชอบ
หรือไม่เห็นชอบกับร่างกฎหมายนี้
อาจมีความเห็นเพิ่มเติมจากผู้อ่านข่าวพอเป็นพิธี ถ้าเป็น Fox News
ก็อาจจะออกมาเหน็บพรรคเดโมแครตบ้างเล็กน้อย
แต่สำนักข่าวเสียดสีเล่นหนักกว่านั้นเยอะครับ จอห์น แมคเคน
วุฒิสมาชิกตัวแทนรัฐแอริโซนา
เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะสนับสนุนการยกเลิกนโยบายนี้เมื่อหลายปีก่อน
แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับคำพูดอ้างโน่นนี่ สำนักข่าวเสียดสีอย่าง The Colbert
Report
ก็ไปขุดเอาเทปการให้สัมภาษณ์ในอดีตที่แมคเคนเคยสัญญาว่าจะสนับสนุนการยกเลิก
นโยบายนี้มาแฉ ส่วน The Daily Show ของคุณ Jon Stewart
เล่นเลยเถิดไปถึงขนาดเชิญผู้สันทัดกรณี (ตัวปลอม)
มาเปรียบเทียบว่าคนแก่นั้นเป็นอันตรายต่อการทำงานของวุฒิสภา
(ไม่ต่างจากเกย์เป็นอันตรายต่อภารกิจในกองทัพ)
และยกตัวอย่างว่าการกลับคำพูดของแมคเคนนั้น
ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนทางนโยบายอะไรแต่เป็นเพียงเพราะคนแก่นั้นหลงลืมง่าย
นอกจากนี้ยังเสนอนโยบายให้คนแก่ออกมาปกปิดความแก่ของตัวเอง
เพื่อจะได้รับใช้ประเทศได้ต่อไป
(เหมือนที่บังคับให้เกย์ออกมาปกปิดสถานะรักร่วมเพศของตน)
นอกจากสำนักข่าวทางทีวีอย่างสองรายการที่ว่ามาข้างต้นยังมีสำนักข่าวออนไลน์
อย่าง Onion News
ที่มีจุดเด่นคือไม่ต้องอ้างอิงข่าวเหตุการณ์ปัจจุบันเพราะสร้างข่าวยกเมฆเอา
เองทั้งรายการ สำนักข่าวหัวหอมถนัดเล่นมุขแดกดันเสียดสี
ลองดูมุมการเมืองก็จะมีข่าวประมาณอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยูบุช
เดินทางเยี่ยมเยียนชาวบ้านหลังประสบภัยพิบัติในยุคที่ตนดำรงตำแหน่ง
หรือข่าวประธานาธิบดีโอบามาหวังใช้อัลบัมใหม่ของบรูซ
สปริงส์ทีนเป็นดรรชนีชี้แนะทิศทางเศรษฐกิจ
ด้านข่าวต่างประเทศก็เสนอสกู๊ปพิเศษจากสาธารณรัฐคองโกที่เริ่มใช้นโยบาย
กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกอาวุธสงครามเพื่อให้ประชาชนใช้ต่อสู้กับกลุ่มกบฎ
และประกอบอาชีพในอนาคต
แม้จะเป็นสำนักข่าวออนไลน์แต่สำนักข่าวหัวหอมก็เอาตั้งหน้าตั้งตาจัดรายการ
เหมือนการรายงานข่าวของจริง มีนักข่าวประจำมากมาย
ผลิตวิดีโอข่าวที่มีอินโทรกราฟฟิก ผู้ดำเนินรายการจากห้องข่าวต่างๆ
มารายงานข่าวกันอย่างแข็งขัน แถมมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านอีกต่างหาก
ถ้าจะถามว่าทำไมข่าวที่ดูไร้สาระแบบนี้ถึงได้เป็นที่นิยมในอเมริกาและหลาย
ประเทศในยุโรปผมเองก็เดาไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ประเด็นที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือผลการสำรวจจากสถาบันวิจัยด้านการ
เลือกตั้งของมหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐเพนซิลเวเนียพบว่าผู้บริโภคข่าวเสียดสี
หลอกลวงรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผู้สมัครชิงตำแหน่งมากกว่าผู้บริโภคข่าว
ทั่วไป
ผมไม่แน่ใจว่าเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคเหล่านี้มีความรู้มากกว่าเป็นเพราะ
พฤติกรรมการบริโภคข้อมูลที่หลากหลายกว่าหรือเป็นเพราะรายการข่าวเสียดสี
หลอกลวงประเภทนี้เปิดมุมมองที่กว้างและลึกกว่าข่าวทั่วไปที่เสนอแต่ข้อมูล
โดย (อ้างว่า) ปราศจากความคิดเห็น
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับสำนักข่าวเสียดสีเหล่านี้คือการนำมุมมองที่แตกต่าง
มาตีแผ่ เอาข่าวดีมาเปรียบเทียบกับข่าวห่วย จับผิดนักการเมืองโกหก แม้หลายๆ
ครั้งจะเป็นการชักจูงผู้ชม แต่พูดตรงๆ
สำนักข่าวในอเมริกาก็แบ่งข้างกันอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าสนับสนุนฝ่ายซ้าย
หรือฝ่ายขวา
บ้านเราแม้จะไม่มีช่องข่าวสนับสนุนกลุ่มซ้ายขวาชัดเจนอย่างในอเมริกา
แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่าแบ่งแยกเป็นสีโน้นสีนี้และก็มีรายการ
คุยข่าวที่ออกมาตอบรับผู้ชมที่ต่างสีต่างความคิด
บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีเสียอีกถ้าทุกครั้งที่เราดูข่าวแล้วคอยถามตัวเอง
ว่าที่กำลังรับชมรับฟังอยู่นั้นเป็นข่าวแท้หรือข่าวเทียม ว่าไหมครับ?
............................
https://www.gotoknow.org/posts/557553
...........................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น