วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คดีจำนำข้าว จะรอดหรือไม่ จะได้ใครมารับผิดชอบหรือไม จะมีใครรู้ได้ ???


.....จากข่าวทำให้รู้ว่าการที่จะเอาผิดใครนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยโดยเฉพาะการเอาผิดกับพวกคนที่มีอำนาจ มีเงิน มีความมั่งคลั้งทั้งหลาย ระยะเวลาที่เนินนานทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ....เงิน 7แสนล้าน อาจกลายเป็นฝุ่น ประชาชนคนไทยคงต้องยอมรับวิบากกรรมในการที่ต้องชดใช้หนี้กันไปอีกยาวนาน บทเรียนราคาแพงที่ต้องจดจำไม่ใช่การที่ต้องใช้หนี้อย่างเดียว แต่เป็นบทเรียนของการนำเอาระบบทุนนิยมมาใช้อย่างไร้ขอบเขต ทำให้เกิดความเชื่อถือและเชื่อมั้นในความมั่งมีเงินทอง ในความมั่งมีกำลังทุน มากกว่าความเป็นคนดี ความเป็นคนมีคุณธรรมของคน จนเกิดช่องว่างที่เป็นจุดอ่อนของประเทศ ซึ่งทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศสามารถนำจุดอ่อนนี้มาใช้ทำร้ายได้ตลอดเวลา
......ตลอดมานักการเมืองที่เป็นคนดี มีคุณธรรม ไม่มีเงิน-ทอง ไม่มีธุรกิจการค้าใดๆ ที่การเมืองจะเอื่อประโยชน์ได้ มักจะไม่มีใครนิยม และมักจะไม่ได้รับการเลือกเป็นส่วนมาก ถึงจะถูกเลือกเข้ามาเป็นนักการเมืองแล้ว คนที่ไม่เห็นด้วยกับนักการเมืองที่มีอำนาจ มีเงินทอง มักจะถูกเล่นงานต่างๆนาๆ และขับไล่ไสส่งจนไม่สามารถกลับมาเล่นการเมืองได้อีก สิ่งนี้คือผลพวงของระบบทุนนิยม ที่ประเทศมหาอำนาจนำมาใช้กับประเทศด่อยพัฒนาเพื่อให้เกิดความเป็นผู้อยู่ใต้อำนาจไปโดยปริยาย นี่ละคือบทเรียนที่คนไทยจะต้องนำมาคิดกัน นำมาสร้างค่านิยมกันใหม่ เพื่ออนาคตของลูกหลานที่จะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสใครในอนาคต.....
____________________________________
http://www.fahwonmai.tv/economy/1213888
"นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า คณะกรรมการ 2 ชุดที่จัดตั้งขึ้น ทั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงและกำหนดค่าความเสียหาย ที่มีนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดทางแพ่ง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน ได้การรายงานความคืบหน้าให้ตนทราบทุกระยะซึ่งช่วงบ่ายวันที่ 6 ก.ค.นี้ ตนเชิญนายจำเริญมาสอบถามความคืบหน้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าเสียหายทางแพ่งยังไม่มีความชัดเจน เพราะค่อนข้างดูยาก จากตัวเลขรายงานล่าสุดจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ส่วนตัวบุคคลที่ต้องรับผิดชอบค่อนข้างจะชัดแล้วว่ามีใครบ้าง ซึ่งมีทั้งนักการเมือง ข้าราชการการเมือง และข้าราชการประจำ"
____________________________________
http://breakingnews.nationtv.tv/home/read.php?newsid=762776
"เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 กรกฎาคม 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จะยื่นฟ้องคดีทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานความคืบหน้าถึงตนเป็นระยะ โดยในวันเดียวกันนี้ตนจะเชิญรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และกำหนดจำนวนค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเข้ามาหารือ เพราะที่รายงานเข้ามาครั้งสุดท้ายนั้น ยังไม่ได้ตัวเลขที่ชัดเจน แต่ได้ตัวบุคคลที่จะถูกเรียกค่าเสียหายมาพอสมควรแล้ว โดยมีความเชื่อมโยงกับบุคคลในหลายรัฐบาล ซึ่งปะปนกันทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมือง"
____________________________________
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019082
"มึนตึ้บ! อนุฯ ป.ป.ช.สอบบัญชีเชิงลึก 5 รมต.จำนำข้าว ชี้ส่วนใหญ่สอบยาก เหตุธุรกรรมทางการเงินปกติ แต่ในทางลับยังไม่สามารถสาวไปได้ว่ามีอยู่ในชื่ออื่นหรือไม่ ยันคืบหน้า 80% ด้านทีมงานสอบ “จีทูจี” หอบเอกสารไต่สวนถึงมือ อสส. ฟ้อง “บุญทรง” และพวก 21 ราย คาดฟ้องได้ใน 1 เดือน
       
       วันนี้ (16 ก.พ.) มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเชิงลึก 5 รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าว ขณะนี้ได้ดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานไปได้กว่า 80% แล้ว
       
       “ในภาพรวมส่วนใหญ่ไม่พบสิ่งผิดปกติ มีเพียงของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่แจ้งเงินลงทุน บริษัท เชียงใหม่แลนด์ จำกัด ซึ่งอนุกรรมการฯ ได้เรียกตัวมาชี้แจงรายละเอียดไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถสรุปเพื่อรายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เร็วๆ นี้”
       
       อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเชิงลึกส่วนใหญ่เป็นไปค่อนข้างยาก เนื่องจากบัญชีที่ตรวจเป็นส่วนที่เปิดเผยและทำธุรกรรมทางการเงินโดยปกติ แต่ในทางลับยังไม่สามารถสาวไปได้ว่ามีอยู่ในชื่ออื่นหรือไม่ เนื่องจากได้รับเบาะแสน้อยมาก
       
       รายงานระบุว่า ตามข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา “บริษัท เชียงใหม่แลนด์” มีนายทรวง เตริยาภิรมย์ (บิดานายบุญทรง) ได้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เชียงใหม่แลนด์ฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2523 ต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท จ.เชียงใหม่ ทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 แสนหุ้น (หุ้นละ 100 บาท) ประกอบกิจการซื้อ-ขายที่ดิน ตั้งอยู่ที่ 60/62 ถ.เจริญเมือง ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทหลายครั้ง และพบว่ามีเครือข่ายนักธุรกิจ และคนในสกุล “เตริยาภิรมย์-สัตตะรุจาวงษ์” เสียเป็นส่วนใหญ่
       
       วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งวัฒนะ นายศักดิ์ชัย เมทินีพิศาลกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำเอกสารหลักฐานสำนวนคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มีการกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 21 รายส่งฟ้องต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และนายวันชัย รุจนวงศ์อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ เป็นตัวแทนรับมอบ
       
       นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ได้นำข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับสำนวนคดีอาญาการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐซึ่งหลักฐานที่นำมามีหลายอย่าง ทาง อสส.อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควรที่จะดูเอกสารที่นำมาดังกล่าว ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหาก็มีทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ การส่งสำนวนดังกล่าวเป็นเพียงเบื้องต้นของผู้ถูกกล่าวหา เพราะยังมีในส่วนของภาคเอกชนที่ทาง ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบอยู่ และคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
       
       ด้านนายชุติชัยกล่าวว่า หลังรับสำนวนดังกล่าวจาก ป.ป.ช.แล้ว จะเร่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาสำนวนภายใน 1-2 วันนี้หากพยานหลักฐานครบคาดว่าจะสามารถส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ภายใน 1 เดือน โดยหลักฐานที่ทาง ป.ป.ช.นำมาในครั้งนี้เป็นสำนวนเกี่ยวกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เป็นคนละส่วนกับสำนวนคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว แต่ทั้งนี้ก็เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกัน"
____________________________________
http://democracyinthehouse.blogspot.com/
https://www.facebook.com/Democracy.In.the.House