วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

หนีแล้ว

เมื่อผิดไม่ยอมรับผิด นี่ละนิสัยของพวกอั้งยี่ นิสัยของพวกโจรเมื่อกระทำความผิดแล้วก็หนีหัวซุกหัวซุนที่พูดมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จ แล้วหวังจะมากอบโกยเอาทีหลัง สร้างคำเท็จเพื่อล้างผิดให้เป็นถูก


ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาในคดีปล่อยปะละเลยการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากจำเลยมีอาการป่วย น้ำในหูไม่เท่ากัน วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้
ัยการโจทก์ ได้ยื่นคัดค้านเห็นว่าอาการป่วย จำเลยน่าที่จะสามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้ และไม่มีใบรับรองแพทย์ องค์คณะพิจารณาแล้วไม่น่าเชื่อว่าอาการป่วยของจำเลย จะไม่สามารถเดินทางมาฟังได้ อีกทั้งไม่มีใบรับรองเเพทย์ อันเชื่อได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และปรับนายประกันเต็มจำนวน และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 27 ก.ย.2560 เวลา 09.00
หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐบาล ได้แกะรอยเส้นทางหลบหนีออกนอกประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทราบว่าหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปทำบุญกราบไหว้สมเด็จโตที่วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ในคืนวันเดียวกันได้เดินทางไปพักที่เกาะช้าง จ.ตราด และนั่งรถยนต์ เข้าประเทศกัมพูชา จากนั้นในวันรุ่งขึ้น 24 ส.ค. 2560 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปพัก ที่ประเทศสิงคโปร์ คาดว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อพบน้องสาวเช่นกัน
หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้รับรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ติดต่อสถานฑูตประเทศอังกฤษ เพื่อที่จะขอลี้ภัยการเมืองด้วย โดยรัฐบาลอังกฤษยึดถือเรื่องการรับผู้ลี้ภัยจากต่างแดน ตามหลักการที่ระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ พ.ศ. 2494 ที่ว่า คนที่จะถือว่าเป็นผู้ลี้ภัยได้คือคนที่ต้องหลบหนีออกจากประเทศของตนเอง และไม่สามารถเดินทางกลับไปได้ โดยมีเหตุที่เชื่อได้ว่าถ้าเดินทางกลับไปแล้ว จะถูกกระทำทารุณ หรือถูกก่อกรรมทำเข็ญ หรือลอบสังหาร ที่สำคัญรัฐบาลอังกฤษยังยึดถือตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของยุโรปได้ว่าจะไม่ส่งตัวบุคคลใดไปยังประเทศไหนๆ ในโลก หากว่ามีความเสี่ยงสูงว่าบุคคลนั้นจะถูกกระทำทารุณ หรือถูกลงโทษ.

ที่มา:

รัฐบาลมะกันไม่มี *ความชอบธรรม* ใดๆ ในการเข้าไปรุกรานซีเรีย

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล,อาจารย์พิเศษวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดลและเป็นเลขานุการมูลนิธิ ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระญาณสังวรานุสรณ์ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเพจส่วนตัวที่ชื่อ “ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์”ระบุว่า...
เวลาเราเห็นคนทำผิดกฎหมายแล้วไม่ถูกจับ ยังเดินลอยหน้าลอยชาย เรารู้สึกกันยังไงครับ?
วิกิหลีกเผยว่าได้เทปสนทนาลับๆ ของจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกุ้งแห้งกระทรวงการต่างประเทศของมะกันซึ่งได้สารภาพอย่างตรงๆ ว่ารัฐบาลมะกันไม่มี *ความชอบธรรม* ใดๆ ในการเข้าไปรุกรานซีเรีย ไม่เหมือนรัสเซียที่รัฐบาลซีเรียเชิญเข้าไป แต่ก็ยังดันทุรังอย่างไร้หิริโอตตัปปะสนับสนุนการส่งทหารเข้าไปไปในซีเรีย นอกจากนั้น จอห์น เคอร์รียังสารภาพด้วยว่ารัฐบาลอัสสาดเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย อันนี้คือในเทปนะครับ แต่พอพูดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทั่วไปกลับบอกว่ารัฐบาลอัสสาดไม่สมควรจะอยู่ต่อ

http://www.tnews.co.th/contents/206833

คิดว่าจะไม่มีวันนี้อีกแล้ว

วันที่ 25 ส.ค.60 ที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ อดีตข้าราชการระดับสูงในกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง และเอกชนผู้ค้าข้าวอื่นรวม 28 ราย เป็นจำเลย

โดยนายธนฤกษ์ นิติเศรณี รองประธานศาลฏีกาเจ้าของสำนวน คดีทุจริตฮั้วประมูลการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ G to G พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน มีมติให้จำคุก

นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พานิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว จำเลยที่1 จำคุกรวม 4 กระทง เป็นเวลา 36 ปี ตามความพรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา12 ซึ่งเป็นบทหนักสุด กรณีเปิดโอกาสให้ 2 บริษัทในประเทศจีน ได้ทำสัญญารับซื้อข้าวในโครงการจำนำข้าว รวม 4 สัญญา โดยอ้างหลักการทำสัญญาตาม G to G ระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน แต่ข้อเท็จจริง กับปรากฏว่าเป็นการทำสัญญาที่ให้เอกชน รับซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยไปขายต่อกับประเทศที่3 ซึ่งผิดหลักเกณฑ์ และข้าวนั้นไม่ได้นำสู่ประเทศจีนตามที่กล่าวอ้าง

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พานิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการระบายข้าว จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 4 กระทง ในความผิดเดียวกันและความผิดตาม ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 151 เป็นเวลา 42 ปี

เสี่ยเปี๋ยง นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 14 ให้จำคุก 4 กระทงในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำความผิดฮั้วประมูล, ประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 151 พรบ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม พศ.2542 มาตรา 123/1 ให้คุกทั้งสิ้น 48 ปี

นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 21 บุตรสาวเสี่ยเปี๋ยง ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ศาลพิพากษาก็มีความผิดเช่นเดียวกัน ซึ่งศาลพิพากษาให้ร่วมกับบริษัทกีธาฯ จำเลยที่ 20 ชดใช้เงิน 1,294,109,764.80 บาท แต่เนื่องจากวันนี้นางสาวธันยพร ไม่ได้เดินทางมาศาลฟังคำพิพากษาในวันนี้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับและปรับนายประกันเต็มจำนวน เพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษาต่อไปในวันที่ 27 ก.ย. เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ในส่วนของเสี่ยเปี๋ยง และบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่10 และนายนิมล หรือโจ รักดี จำเลยที่ 15 ลูกน้องเสี่ยเปี๋ยง ศาลให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกระทรวงการคลังเป็นเงิน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ

โดยศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องนายสมยศ คุณจักร จำเลยทีา 19 ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติเสี่ยเปี๋ยงและจำเลยที่ 22 -28 ซึ่งเป็นกลุ่มเอกชนโรงสีข้าวและกรรมการบริษัทรวม 7 ราย เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ ยังฟังไม่ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง กับการกระทำตามฟ้อง

ที่มา :

https://today.line.me/TH

http://www.tnews.co.th