ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของประชาชนคนไทยทุกคนในการปฏิรูปประเทศไทย คือ
การทำประชาธิปไตยให้เป็นจริง
ประชาชนคนไทยต้องตื่นขึ้นมาดูแลปกครองบ้านเมืองของเราทุกคน
วิธีนี้เท่านั้น จึงเป็นหลักประกันได้ว่าอำนาจรัฐ อำนาจอธิปไตยจะเป็นของประชาชนคนไทยทั้งชาติและรัฐบาล
เจ้าหน้าที่ กลไก กฎหมายของรัฐ ทรัพยากรมหาศาลของชาติ จะได้ถูกใช้และจัดสรรเพื่อผลประโยชน์ของชาติ และความสงบสุขของประชาชนคนไทยทั้งชาติได้จริง
ถ้าการเมืองไทยยังเป็นเผด็จการ อำนาจของประชาชน ถ้าจะมีก็แค่ 2-3 วินาที ที่หย่อนบัตรเลือกตั้ง แล้วอำนาจรัฐอำนาจอธิปไตย อำนาจสูงสุดก็ตกไปอยู่ในมือของนักการเมืองของพรรคการเมืองเผด็จการคนกลุ่มเล็กๆ ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง
ประชาชนไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นผู้ปกครอง
ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ กองทัพของชาติ ทหารบก เรือ อากาศ ตำรวจ อัยการจะถูกครอบงำให้ทำงานเพื่อรับใช้นักการเมือง พรรคการเมืองที่เป็นผู้ปกครองและมีอำนาจรัฐเท่านั้น
ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐที่ดี ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานบริการรับใช้ประเทศชาติและประชาชนไม่สนองนโยบายของนักการเมืองจะท้อแท้ หมดกำลังใจ และถูกโยกย้ายกระเด็นออกนอกเส้นทางของความเจริญเติบโตก้าวหน้า และตำแหน่งบริหารที่มีความสำคัญ
ปัญหาของประเทศชาติ ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนนานัปการ จะถูกสะสมหมักหมมไม่ได้รับการเหลียวแลแก้ไขทิ้งให้อยู่คู่กับคนไทยและประเทศไทยของเราตลอดไป
ประเทศไทยของเราปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้วโดยนิตินัย คือ โดยกฎหมายระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทย
เพราะฉะนั้น ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของคนไทยที่ตื่นรู้ทุกคน
คือ การปลุกให้มวลมหาประชาชนคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักรู้ว่าเราเลือกนักการเมืองมาทำงาน มาทำหน้าที่ ทั้งงานบริหารและงานนิติบัญญัติ เพื่อดูแลผลประโยชน์ของประชาชน
ไม่ใช่มามีอำนาจอธิปไตยแทนประชาชน
เสียงข้างมากในสภาของนักการเมือง คือ เสียงข้างมากของลูกจ้างประชาชน (ผู้ที่มีหน้าที่ต้องทำงานรับใช้ ไม่ใช่เสียงข้างมากของนายจ้างคือ ประชาชนผู้มีอำนาจ)
ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะพร้อมใจกันมีจิตสำนึกทิ้งประโยชน์ส่วนตัวและถือประโยชน์ส่วนรวม
พร้อมใจกันปฏิเสธข้าวของ เงินทอง อามิสสินจ้างและนโยบายประชานิยมที่นักการเมืองมาเสนอให้ในช่วงเลือกตั้ง
เพราะการรับผลประโยชน์ส่วนตัวของประชาชนจากนักการเมืองเลวชั่ว
จะไม่ต่างกับการขายบ้านขายเมืองให้กับโจร
คนไทยโชคดีที่ได้รับพระมหากรุณาพระราชทานพระราชอำนาจของพระองค์ท่านจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 เป็นเวลานานกว่า 80 ปีแล้ว
อำนาจอธิปไตยที่ได้รับพระราชทานมานี้ เป็นอำนาจติดตัวคนไทยทุกคนถ่ายโอนให้ใครไม่ได้
การเลือกตั้งเป็นกระบวนการเลือกลูกจ้างและคนรับใช้ของประชาชน ไม่ใช่กระบวนการถ่ายโอนอำนาจของประชาชนไปให้นักการเมือง ผู้สมัครหรือผู้ที่ได้รับเลือก
ประชาชนคนไทยจะมีอำนาจจริงที่จะแต่งตั้งและขับไล่ ปลดและถอดถอนนักการเมืองพรรคการเมืองได้
ก็ต่อเมื่อประชาชนคนไทยมีจิตสำนึกในบทบาทหน้าที่ของเจ้าของบ้านเจ้าของเมือง เจ้าของประเทศ
พร้อมใจกันที่จะไม่ขายเมือง ขายประเทศให้กับโจร คนชั่ว กลุ่มใดๆ ทั้งนั้น
ประชาชนที่มีจิตสำนึกปฏิเสธผลประโยชน์ส่วนตัวเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและผลประโยชน์มหาศาลของประเทศชาติเท่านั้น
ประชาชนคนไทยจึงจะรักษาอำนาจรัฐ อำนาจการปกครองให้อยู่ในมือของประชาชนคนไทยได้
การปฏิรูปประเทศไทยต้องผ่านกระบวนการทำประชาธิปไตยให้เป็นจริง คือ ทำให้ ประชาชนคนไทยมีอำนาจรัฐ อำนาจอธิปไตยจริงก่อน
เพราะเมื่อประชาธิปไตยเป็นจริงเท่านั้น ประชาชนจึงมีอำนาจสั่งรัฐบาล นักการเมือง พรรคการเมืองได้
และประชาชนคนไทยจึงจะมี รัฐบาลของประชาชนทั้งชาติ โดยลูกจ้างประชาชน บริหารและนิติบัญญัติ เพื่อประชาชนได้ เมื่อประชาชนมีอำนาจจริงเท่านั้น
ประชาชนจะมีงบประมาณแผ่นดินสนับสนุนเป็นล้านๆ มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทหาร ตำรวจ อัยการ ฯลฯ เป็นแขนขา ทำงานให้
มีสื่อของรัฐและของเอกชนให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชนอย่างกว้างขวาง
มีกลไกรัฐทั้งกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ ในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง สะสมหมักหมมมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ครับ เมื่อประชาธิปไตยเป็นจริงเท่านั้น ประชาชนที่ตื่นรู้จึงจะสามารถปฏิรูปประเทศไทยให้ถูกต้องดีงามได้สำเร็จ
โดยไม่ต้องต่อสู้กับรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐของตัวเองอย่างที่เป็นและเห็นกันอยู่ในขณะนี้
การทำประชาธิปไตยให้เป็นจริง คือ การทวงอำนาจของประชาชนที่ถูกนักการเมือง พรรคการเมืองร่วมกับนักวิชาการ ครูบาอาจารย์ของเผด็จการ ฉ้อฉลไปคืนมาเป็นของประชาชน
ตื่นเถิดชาวไทย
ณรงค์ โชควัฒนา
๑๓ กพ. ๒๕๕๖
http://www.oknation.net/blog/nchokewatana/2013/02/13/entry-1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น