วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

อเมริกา มาจุ้นจ้านกับไทยทำไม


เป็นข้อมูลที่หน้าสนใจ เอาไว้อ่านและคิดตามกันครับ......
............................
นายสนธิ ได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญ นั่นคือเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดจากน้ำมัน โดยอธิบายว่าสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคย ทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือขายหุ้นให้เทมาเส็ก และไปร่วมเจรจากับประเทศต่างๆ เป็นเรื่องพลังงานทั้งสิ้น

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรมีความหมายทางเศรษฐกิจเท่ากับน้ำมัน โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกที่ใช้น้ำมันในการพัฒนาอุตสาหกรรม ความกินดีอยู่ดีของคนตะวันตกจึงขึ้นกับการพึ่งพาแหล่งน้ำมัน ซึ่งอยู่ในตะวันออกกลาง ทำให้ประเทศตะวันตกเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมืองในตะวันออกกลาง

โดยในปี 2499 นายกโมซาเด็กของอิหร่านที่รักชาติได้ยึดบ่อน้ำมันของบริษัทต่างชาติมาเป็นของอิหร่านแล้วจ่ายค่าชดเชยให้ สหรัฐอเมริกาและอังกฤษจึงหาทางล้มรัฐบาลนายโมซาเด็กแล้วให้ซีไอเอและสายลับเอ็มไอ6โค่นล้มนายโมซาเด็กลงแล้วให้พระเจ้าชาห์ขึ้นมาปกครองประเทศและคืนบ่อน้ำมันให้บริษัทต่างชาติตามเดิม

ส่วนที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันร้อยละ 50 ของตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันร้อยละ 70 ของทั้งโลก สหรัฐอเมริกาได้จับมือเซ็นสัญญาซื้อน้ำมันระยะยาว และรับประกันราคานำมันให้ โดยสัญญาสิ้นสุด ในปี 2539 โดยก่อนที่จะ สิ้นสุดสัญญานั้น บริษัทน้ำมันเช่น เชฟรอน เอสโซ เชลล์ ได้สำรวจแหล่งน้ำมันทั่วโลก ซึ่งทำให้รู้ว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ยังไม่ขุด เพราะยังสามารถซื้อน้ำมันราคาถูกจากซาอุฯได้ จึงเก็บเป็นความลับเอาไว้

นายสนธิกล่าวต่อว่า บริษัทน้ำมันของต่างชาติ ได้ใช้ดาวเทียมสำรวจน้ำมัน ซึ่งเคยถ่ายภาพบริเวณอ่าวไทยและพบว่าเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยนำมันที่ไม่น้อยกว่าซาอุดิอาระเบีย แต่เก็บเป็นความลับเอาไว้ เพราะเขาลงทุนเป็นพันเป็นหมื่นล้านในการสำรวจ ประกอบกับราคามันขณะนั้นยังไม่ขึ้น จนกระทั่งช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ที่น้ำมันขึ้นาคาจากบาร์เรลละ 40 เหรียญเป็น 100 กว่าเหรียญ แล้วตกไป 90 กว่า และจะไม่มีวันต่ำกว่า 80 เหรียญหลังจากนี้ เพราะอาหรับหันไปใช้ราคาทองคำเป็นตัวกำหนดราคา เป็นราคาที่ชาวอาหรับพอใจ ขณะที่บริษัทน้ำมันก็ไม่สนใจว่าผู้ใช้จะเดือดร้อนหรือไม่ รวมถึง ปตท.ที่ขายให้เอกชนไปแล้ว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า บริษัทนำมันมีอิทธิพลสูงมากจนสามารถล้มรัฐบาลชาติไหนก็ได้ที่ไม่ตอบสนองเรื่องพลังงานให้เขา เรื่องนี้มีบทพิสูจน์ นายจอร์จ ดับเลิลยู บุช ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้เพราะอิทธิพลบริษัทน้ำมัน เมื่อขึ้นมาก็ส่งเสริมบริษัทนำมัน บินมาเอเชียก็เพื่อเจรจาเรื่องน้ำมัน

หลังปี 2539 เป็นต้นมาสหรัฐเริ่มเปิดลิ้นชักผลสำรวจแหล่งน้ำมัน ที่เก็บเป็นความลับ ซึ่งในแผนที่ลับจะชี้ว่าที่ใดมีน้ำมันบ้าง เป็นที่ทราบมานานสำหรับคนที่เรียนวิศวปิโตรเลียมว่า ... พื้นที่ใดที่มีแม่น้ำไหลลงทะเล ปากแม่น้ำจะมีน้ำมันมหาศาล ซึ่งไทย กัมพูชา และเวียดนาม มีแม่น้ำโขงไหลลงมา พื้นที่อ่าวไทยทั้งหมด จึงเป็น ขุมทรัพย์มหาศาลของน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งฝรั่งรู้มานานแล้ว แต่เก็บเป็นความลับเอาไว้ จนราคาน้ำมันขึ้นมา

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มสนใจน้ำมัน ปี 2547-2548 เพราะเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันกระโดดจาก 20 เป็น 30 เหรียญ นายโมฮัมเหม็ด อัลฟาเยด เจ้าของห้างแฮร์ร็อดได้บินมาไทย เพราะมีข้อมูลน้ำมันในอ่าวไทย แต่เป็นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เมื่อมาเจรจาขอสัมปทาน แต่จะต้องคุยทั้งไทยและกัมพูชาก่อน ถึงถอยฉากออกไป พร้อมกับทิ้งข้อมูลไว้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ

ด้วยเหตุนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจึงคิดที่จะขายชินคอร์ป เพื่อเอาเงินเทมาเส็กมา โดยส่วนหนึ่งจะเอามาลงหุ้น กฟผ.ที่จะแปรรูป ส่วนหนึ่งจะตั้งบริษัทขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย

ทั้งนี้ แหล่งน้ำมันในอ่าวไทยนั้น พื้นที่ที่อยู่ใกล้ฝั่งนั้นเป็นของแต่ละประเทศอย่างชัดเจน แต่พื้นที่ตรงกลาง ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ จึงถือเป็นพื้นที่ทับซ้อน อย่างไรก็ตามในส่วนของเขมรนั้น เชฟรอน ได้เข้ามาขุดสำรวจ 4 หลุม พบว่ามีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 3 หลุม แสดงว่าในอ่าวไทยเต็มไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

เชฟรอนอ้างในรายงานว่า ในหลุมที่ขุดพบมีน้ำมันประมาณ 1 ล้านล้านบาร์เรล แต่เว็บไซต์ของผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันบอกว่า ตามธรรมดาแล้วบริษัทน้ำมัน ที่ไปรับสัมปทานในประเทศโลกที่ 3 จะโกหก โดยข้อเท็จริงจะมีกว่าที่บอกประมาณ 50-100 เท่า เพราะเขาไม่ต้องการให้รู้ว่ามีประมาณมากขนาดนั้น

“ วิธีการของมันที่ทำ คือ ส่วนที่ขุดออกมา มันก็ส่งออกและจ่ายค่าสัมปทาน แต่ส่วนหนึ่งมันก็ทำแบบที่ ปตท.ก็ทำอยู่ คือเอาเรือบรรทุกน้ำมันลักลอบมารับจากท่อขุดเจาะโดยตรง แล้วเอาไปขาย "

“อีกจุดที่มีน้ำมันเยอะ ถ้าลากเส้นจากจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี ตรงดิ่งเข้าไปในทะเลประมาณ 120 กิโลเมตรเป็นแหล่งนำมันมหาศาล ที่ยังไม่มีใครรู้ นี่ไง 3 จังหวัดภาคใต้จึงยังไม่สงบ เหมือนติมอร์ ที่แยกไปจากอินโดนีเซีย เพราะมันมีน้ำมัน กีษซธรรมชาติ แร่ดีบุก ทองคำ และพลาตินั่ม คนที่สนับสุนหิ้ตมอร์แยกตัวออกไปคือใคร คือ ออสเตรเลีย แล้วบริษัทที่ขุดเจาะน้ำมันในติมอร์ และผูกขาดทำเหมืองก็คือออสเตรเลียทั้งหมด เหมือนกับอาเจะห์แหล่งน้ำมันใหญ่ อีกแห่ง "

" การทำให้ 3 จังหวัดภาคใต้วุ่นวายตลอด เป็นความพยายามให้ 3 จังหวัดประกาศตนเป็นอิสระ โดยมีบริษัทน้ำมันสนับสนุน เพื่อพวกมันจะได้เข้าไปฮุบผลประโยชน์ ที่ 3 จังหวัดมีสิทธิ ตามระยะเข็มไมล์ ตามกฎหมายทางทะเล ”

นายสนธิกล่าวต่อว่า ที่เราทะเลาะกับเขมร ตอนนี้มีตัวเล่นเพิ่มคือ จีน
ที่พัฒนาตัวเองในรอบ 15 ปีมานี้จนร่ำรวยและเติบโตมหาศาล แต่เริ่มเดินไม่ออก เพราะเริ่มขาดแคลนน้ำมัน จากเดิมที่มีบ่อน้ำมันที่ต้าชิงและส่งออก ตอนนี้ต้องนำเข้า ต้องค้าขายกับอิหร่านเพิ่ม และออกไปลงทุนทำบ่อน้ำมันในอาฟกานิสถาน ไปสนับสนุนรัฐบาลพม่า เพราะมีแหล่งก๊าซฯ

ส่วนที่ต้องมาเกี่ยวกับเขาพระวิหาร เพราะถ้าลากเส้นไป ก็จะกินพื้นที่เข้าไปในเขตทับซ้อน มีการสร้างถนนจาก สีหนุวิลล์ วิ่งไปทางเขาวิหาร และทะลุไปคุนหมิง ซึ่งไม่ใช่แค่เส้นทางรถวิ่ง แต่เป็นแนวท่อส่งน้ำมันไปให้จีน สหรัฐจึงเข้ามาขวาง เพราะกลัวจีนจะแผ่อิทธิพล ถึงขนาดลงไว้ในยุทธศาสตร์ความมั่นของสหรัฐฯว่า
"ศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขาคือจีน"

ในที่สุดเขมรก็จะเป็นประเทศที่มีก๊าซธรรมชาติ มีแหล้งพลังงานเยอะ และกำลังให้บริษัทฝรั่งมาตรวจสอบแหล้งก๊าซฯ และน้ำมันที่มีอยู่ในทะเลสาบ ที่เขมรจับปลามาทำปลากรอบ นั่นคือแหล่งก๊าซและน้ำมัน

แต่ไม่ต้องห่วง เขมรจะมีน้ำมันมากแค่ไหน ก็จะเหมือนไนจีเรีย ซึ่งในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา เจอน้ำมันแต่ให้ต่างชาติรับประโยชน์ไป 600,000 ล้านเหรียญ ขณะนี้คนไนจีเรียกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ยังยากจนถึงขั้นไม่มีข้าวกิน

“เขมรก็จะเป็นแบบนั้น เพราะมันมีรัฐบาลและนายกฯ ที่ชาติชั่ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวเขมร มันเป็นประเทศถูกสาบ ไม่ถูกสาบได้ไง ขนาดพระสังฆราชยังเล่นของ แล้วจะเจริญได้อย่างไร เราไม่ต้องไปกลัว แต่กำลังชี้ให้เห็นว่า ... การเมืองระหว่างประเทศกำลังมีบทบาทในไทยเรื่องน้ำมัน เมื่อสหรัฐ จีนเข้ามา ฝรั่งเศส ก็เข้ามา ญี่ปุ่นก็เข้ามา กรรมการที่จะมาดูแลพื้นที่เขาพระวิหารที่เป็นมรดกโลก ก็คือ 6 ประเทศที่อยากได้นำมัน”นายสนธิกล่าว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เขมรได้อนุญาตให้เชฟรอนตั้งแท่นขุดเจาะบนพื้นที่ทับซ้อนกับไทยแล้ว โดยที่เราไม่ได้คัดค้านเลย ต่างจากจีนที่มีพื้นที่ทับซ้อนกับเวียดนาม แล้วจู่ๆ เวียดนามก็ให้เชฟรอนรับสัมปทาน จีนจึงแจ้งไปว่าพื้นที่นี้เป็นของจีน ถ้าเชฟรอนตั้งแท่นเมื่อไหร่จะส่งเรือไปถล่มทันที เชฟรอนรีบถอยเลย

“ถ้าเรามีรัฐบาลที่รักชาติ มีทหารที่ไม่ห่วงแค่ยศแค่ตำแหน่งกับงบประมาณซื้ออาวุธ ถ้ามันห่วงทรัพยากรธรรมชาติในอ่าวไทย มันต้องขยับแล้ว ต้องแจ้งเชฟรอน ว่าตรงที่แท่นคุณไปตั้ง..มันของผม ถึงเขมรบอกเป็นของเขาก็ตาม เมื่อไหร่ที่คุณลงเสา ผมเอาปืนยิงเลย แต่มันทำไหม ? มันไม่ทำ เพราะมันเป็นรัฐบาลขายชาติ

นี่ไง เรามาสู้เพื่ออะไร เข้าใจหรือยัง ทรัพยากรนี้คือสินทรัพย์ของแผ่นดิน ที่เราต้องมาบริหารจัดการเพื่อคนไทย 64 ล้านคน ไม่ใช่เพื่อโคตรใครบางคนที่อยู่ลอนดอน และไม่ใช่เพื่อโคตรของคนตาเหล่ ”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การเมืองใหม่มีหมายความหลาย ๆ อย่างมากมาย มหาศาล ถ้าเราเอาเรือปืนเราไปไล่เชฟรอน ทั้งอเมริกา จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ก็ต้องถอย เพราะคิดว่าไทยเอาจริง และมาคุยกับไทยดีกว่า เมื่อมาคุยกับไทย เราก็ต้องมีเงื่อนไขว่าฮุนเซนจะไปซี้ซั้วให้ใครไมได้ ให้เมื่อไหร่ยิงเมื่อนั้น ฮุนเซนก็ต้องถามเราว่าจะเอายังไงบอกมา เราก็บอกให้เขียนแผนที่กันใหม่ ถ้าไม่ยอม เราก็ไม่ยอม เพราะคนไทย ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวอยู่แล้ว เราทำมาหากิน เรารวยกว่าเขมรมาก

แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นได้ เราต้องเอาบริษัทขายชาติมาเป็นของเรา นั่นคือ ปตท. ที่มันขายชาติ มันมีแผนที่ข้อมูลหมด ว่าที่ไหนมีน้ำมัน แต่เก็บไว้เอง แล้วทำมาหารับประทานกับบริษัทน้ำมันและก๊าซฯ ของฝรั่งต่างชาติ จนผู้บริหารร่ำรวย ซึ่งถ้ามีอำนาจจะยึคทรัพย์ผู้บริหาร ปตท.ทั้งหมด

“นายประเสริฐ บุญสมพันธ์ พูดอย่างภาคภูมิใจว่า ปตท.ร่ำรวย ยอดขายเท่านั้นเท่านี้ เป็นบริษัทอันดับหนึ่งของไทย แต่ทุกอย่างที่เอาไปแปรรูปนั้นล้วนแต่เป็นของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ของคุณ ทุกอย่างเป็นของชาติ แม้แต่ท่อส่งก๊าซ ศาลปกครองก็ส่งให้เป็นของรัฐ แล้วคุณก็ไปบีบเพื่อให้ได้เช่าท่อก๊าซในราคาถูก ซึ่งถ้ามีการเมืองใหม่ เราไม่ยอมเด็ดขาด”

ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับน้ำมัน เราต้องมีการเมืองใหม่ที่เจรจาเป็น ไม่ใช่ การเมืองของนายกฯ เลขานายก ประธาน ปตท. หรือคนที่อยู่ลอนดอน แต่เป็นของคนไทย 64 ล้านคน เมื่อเป็นเช่นนั้นการเจรจาก็จะไม่ยาก ก็เพราะทุกอย่างเมื่อเจรจาเสร็จ ผลประโยชน์เข้ากระเป๋า 64 ล้านใบ แต่ถ้าเป็นการเมืองของบพวกเขาเอง ก็จะแบ่งผลประโยชน์ระหว่างพวกเขาไม่กี่คนกับบริษัทฝรั่ง เหลือเศษเนื้อติดกระดูก
ให้คนไทย

“ สำหรับผม การเมืองใหม่ที่ต้องมีคือ จะต้องรักษาสินทรัพย์ที่ผมเล่ามา ให้ตกเป็นของคนไทยทั้งประเทศ ” นายสนธิย้ำ
..................................
http://www.oknation.net/blog/countonme/2008/09/22/entry-1

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000112028

http://democracyinthehouse.blogspot.com/

http://thailand-good-citizen.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น